[สรุป+รีวิวหนังสือ] Mindset (ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา)

[สรุป+รีวิวหนังสือ] Mindset (ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา)

ในบทความนี้ผมจะมา สรุป รีวิวหนังสือ Mindset (ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา) กันนะครับ ต้องกล่าวว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ผมเคยเห็นมาค่อนข้างนานในร้านหนังสือนะครับ

แต่ไม่ได้ซื้อมาอ่าน ระหว่างนี้ก็ได้ยินคำพูดในเรื่องของ Growth Mindset และ Fixed Mindset ได้ลองศึกษาและพอเข้าใจในเบื้องต้น เมื่อผ่านมาถึงในตอนที่ผมทำงานประจำ ทางบริษัทก็ได้เชิญวิทยากรท่านหนึ่งมาอบรมเรื่อง Mindset ให้กับพนักงานทุกคน ทำให้รู้สึกสนใจแล้วอยากลองอ่านหนังสือเล่มนี้แบบจริงจัง

หนังสือ Mindset (ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา) จำนวน 360 หน้านี้ เป็นหนังสือจิตวิทยาขายดีที่สุด10 ปีติดต่อกัน รวมถึงยังเป็นวิชาที่ได้รับความนิยมสูงสุดของสแตนฟอร์ด หนังสือเล่มนี้แต่งโดย Carol S. Dweck เป็นนักจิตวิทยาชื่อดังจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด  

#ทำไมถึงควรอ่านหนังสือเล่มนี้?

การที่คนเราจะพัฒนาจากคนที่เป็นคนธรรมดาๆกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้อย่างยิ่งใหญ่นั้น ต้องเริ่มจากการปรับความคิด (Mindset) เป็นสิ่งแรกก่อนครับ เพราะความคิดนั้นจะส่งผลต่อการกระทำของตัวเรา และทำให้เกิดผลลัพธ์ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ตามมา ซึ่งมันคุ้มค่ามากๆที่คุณใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้เพื่อทำความเข้าใจ และสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน รวมถึงการกระทำของคุณได้ไปตลอดชีวิต ในบทความนี้ผมจะไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดของหนังสือเล่มนี้จะอธิบายแก่นและคอนเซ็บให้ฟังนะครับ 

#ความแตกต่างความคิดแบบจำกัด (Fixed mindset) VS. ความคิดแบบเติบโต (Growth mindset) ?

[สรุป+รีวิวหนังสือ] Mindset (ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา)

1.กรอบความคิดแบบตายตัว (Fixed Mindset)

กรอบความคิดแบบตายตัว (Fixed Mindset) คือ ความเชื่อว่าตัวเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งคนกลุ่มนี้จะหลีกเลี่ยงความท้าทาย ไม่ชอบความลำบาก ยอมแพ้ง่าย มองว่าความตั้งใจและความพยายามไม่มีค่า กระทั่งไม่ได้ใส่ใจคำแนะนำตักเตือนที่มีประโยชน์จากคนอื่น

2.กรอบความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset)

กรอบความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) คือ ความเชื่อว่าตัวเองสามารถพัฒนาได้ด้วยความพยายาม ถึงแม้คนเราจะเกิดมาแตกต่างกันจากพรสวรรค์ ความถนัด ความสนใจ หรือนิสัยใจคอ แต่ทุกคนก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความพยายามและประสบการณ์

ความแตกต่างของกรอบความคิด 2 แบบนี้ทำให้คนเรานั้นมีมุมมองที่แตกต่างกันอย่างมาก ในเรื่องของความพยายาม การเรียนรู้ การปรับตัวต่อสิ่งต่างๆที่เข้ามาหาตนเอง 

#ตัวอย่างเปรียบเทียบแบบชัดๆของคนมี Fixed Mindset VS Growth Mindset

  1. คนที่มี Fixed mindset ในขณะที่ผิดหวังในสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น จะรู้สึกว่าตัวเองนั้นถูกปฏิเสธ ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง โดนรังเกียจ โดนรังแกจากภายนอก เกิดมาโชคร้าย ในขณะที่คนที่มี Growth mindset นั้น การผิดหวังทำให้เขา รู้สึกว่าเขาต้องเรียนรู้ให้มากขึ้น ต้องพยายามมากขึ้น เพื่อที่จะทำสิ่งต่างๆให้ดีขึ้นในครั้งถัดไป
  2. คนที่มี Fixed mindset นั้นกลัวการล้มเหลวและมองว่าเป็นการหยุดความก้าวหน้าเช่นคะแนนไม่ดี แข่งขันแพ้ ถูกปฏิเสธ ถูกไล่ออก ในขณะที่คนที่มี Growth mindset จะไม่กลัวการล้มเหลว เพราะถ้าหากล้มเหลวก็จะเข้าใจว่าเรายังพัฒนาตัวเองไม่ได้เต็มที่ เรายังไม่ได้ใช้ศักยภาพที่แท้จริงของเราอย่างเต็มที่
  3. คนที่มี Fixed mindset จะเลือกในสิ่งที่คิดว่าตัวเองนั้นทำได้และมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ ในขณะที่คนที่มี Growth mindset เชื่อว่าการที่จะเก่งขึ้นนั้นต้องอาศัยความพยายาม ทำให้ยอมท้าทายความสามารถตัวเองและทำในสิ่งที่ยากกว่า 
  4. คนที่มี Fixed mindset จะไม่ยอมทำอะไรใหม่ๆ ไม่กล้าเสี่ยง เพราะเขาไม่อยากเปิดเผยข้อผิดพลาด หรือจุดอ่อนของตัวเอง ในขณะที่คนที่มี Growth mindset จะลองเสี่ยงทำสิ่งใหม่ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ไปในจุดที่ดีขึ้นทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
  5. คนที่มี Fixed mindset จะรู้สึกว่าตัวเองฉลาดเมื่อทำบางสิ่งบางอย่างได้ดีสมบูรณ์แบบ ในขณะที่คนที่มี Growth mindset จะทำให้เรารู้สึกฉลาดตอนที่ได้เรียนรู้
  6. คนที่มี Fixed mindset เพื่อความสำเร็จมากกว่าการเติบโต ชอบคิดว่าตัวเองพิเศษเหนือคนอื่น ในขณะที่คนที่มี Growth mindset เลือกการเติบโตมากกว่าความสำเร็จ ไม่ได้พิสูจน์ตัวเองให้คนอื่นเห็น
  7. คนที่มี Fixed mindset เชื่อว่าความสำเร็จนั้นมาจากพรสวรรค์ ส่วนความพยายามนั้นเป็นของคนที่ไม่มีความสามารถ ในขณะที่คนที่มี Growth mindset เชื่อว่าความสำเร็จนั้นมาจากความพยายาม
  8. การชมคนเฉพาะผลลัพธ์ ผลงานนั้น ส่งผลให้เขาเป็นคนประเภท Fixed mindset เพราะในอนาคตจะทำให้เขานั้นกลัวที่จะทำผลลัพธ์ได้ไม่ดีเหมือนเดิม จึงไม่กล้าทำสิ่งใหม่ๆต่างจากเดิม หรือถ้าทำก็อาจจะโกหกผลลัพธ์ของตัวเองให้ออกมาดูดีเพื่อรับคำชม ส่วนการชมคนที่พยายามตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถแล้ว ส่งผลให้เขาเป็นคนประเภท Growth mindset เพราะแม้จะเจองานหนักเท่าไหร่ก็จะใช้ความพยายามสุดความสามารถ ไม่กลัวผลลัพธ์การล้มเหลว ถึงแม้จะยังทำได้ไม่ดีพอแต่ก็ยังจะใช้ความพยายามสุดความสามารถในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
  9. สำหรับนักกีฬานั้น คนที่มี Fixed mindset คือคนที่อยากอยู่เหนือกว่าใครๆ ในขณะที่คนที่มี Growth mindset จะแค่อยากซ้อมให้ตัวเองเก่งขึ้น และลงแข่ง มีความสุขในการได้เรียนรู้ พัฒนา และใช้ศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่ในการแข่งขัน
  10. สำหรับนักธุรกิจหรือผู้บริหารที่มี Fixed mindset จะคิดว่าตัวเองนั้นตำแหน่งใหญ่โต ภาคภูมิใจในความสามารถของตัวเอง ไม่ฟังคนอื่น หยุดพัฒนา และชอบใช้อำนาจ ส่วนนักธุรกิจหรือผู้บริหารที่มี Growth mindset จะตื่นเต้นกับการได้พัฒนาธุรกิจของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นต่อไป บริหารองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ใช้ประโยชน์จากข้อผิดพลาดและการfeedback ทำให้พัฒนาธุรกิจไปได้ค่อนข้างไกล
  11. ในเรื่องชีวิตคู่ คนที่มี Fixed mindset มักมีความคิดว่า ถ้าเกิดมาคู่กันไม่ต้องใช้ความพยายามในการปรับตัว ต้องเห็นตรงกันทุกเรื่อง และมักคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทุกครั้งมาจากอีกฝ่าย คนที่มี Growth mindset จะมีความคิดว่าทุกอย่างเราสามารถปรับแก้ปัญหาให้เข้ากันได้
  12. ในเรื่องของเด็ก เด็กที่มี Fixed mindset จะรู้สึกว่าตัวเองนั้นถูกประเมิน จับผิดอยู่เสมอ จากผู้ปกครอง ครู โค๊ช ส่วนเด็กที่มี Growth mindset เวลาถูกสอนจะรู้สึกว่าตัวเองได้รับความช่วยเหลือให้เก่งขึ้น
  13. ถ้าหากเราต้องการสอนให้เด็กๆให้มี Growth mindset อย่าใช้คำพูดที่ชื่นชมพรสวรรค์และคุณสมบัติของเด็กๆ หรือคนที่เราดูแล แต่ต้องสื่อสารให้เขาเข้าใจว่าเราภูมิใจในความพยายามของพวกเขา
  14. มรดกสำคัญที่เราควรปลูกฝังให้ ลูกหลาน คือ Growth mindset เพราะจะทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาตัวเองได้เรื่อยๆ จนประสบความสำเร็จในชีวิตได้ด้วยตัวเอง

ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับสรุปรีวิว หนังสือ Mindset ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตาถือสำหรับตัวผมเมื่ออ่านจบก็รู้สึกว่ามุมมองต่างๆในชีวิตเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากๆ ถือว่าเป็นหนังสือแนะนำอีกเล่มหนึ่งที่ควรอ่านในชีวิตเพราะผมเชื่อหากใครได้อ่านเล่มนี้ แล้วได้นำไปใช้ จะสามารถทำให้เกิดความประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอนครับ

สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ที่ลิงค์นี้


แนะนำบทความที่น่าสนใจ