ในยุคที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนและเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสร้างรายได้ทางเดียวจากงานประจำหรือ Active Income คงไม่เพียงพอต่อความต้องการในชีวิต ด้วยเหตุนี้ Passive Income หรือรายได้จากการที่ไม่ต้องออกแรงทำงานจึงกลายเป็นหนึ่งในแนวคิดที่หลายๆคนสนใจ เพราะมันช่วยสร้างกระแสเงินสดที่สามารถเพิ่มความมั่นคงในระยะยาว และเพิ่มความอุ่นใจในเศรษฐกิจ สถานการณ์ช่วงนี่
ในบทความนี้ผมจะพาคุณเข้าสู่โลกของรายได้แบบ Passive Income ตั้งแต่ความหมาย ความสำคัญ วิธีการสร้าง ไปจนถึงแนวทางและไอเดียการเริ่มต้น เพื่อช่วยให้คุณมีชีวิตที่มั่นคงและอิสระทางการเงินมากขึ้นครับ
สรุปสาระสำคัญที่คุณจะได้เรียนรู้:
- ความแตกต่างระหว่าง Active Income และ Passive Income
- ตัวอย่างแหล่งรายได้ที่หลากหลาย
- วิธีการสร้างรายได้ผ่านการลงทุนและการสร้างผลงาน
- การจัดพอร์ตการลงทุนและการดูแลสินทรัพย์
- เคล็ดลับเริ่มต้นสร้างรายได้แบบ Passive อย่างมีประสิทธิภาพ
สารบัญ
1. ความหมายของ Passive Income และ Active Income
1.1 Passive Income คืออะไร?
Passive Income หมายถึง รายได้ที่คุณสามารถสร้างขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้แรงงานหรือเวลาต่อเนื่อง เช่น รายได้จากดอกเบี้ยเงินฝาก ค่าเช่าบ้าน ค่าลิขสิทธิ์ หรือเงินปันผลจากการลงทุน รายได้ประเภทนี้เกิดจากการลงทุนทรัพยากรในช่วงแรก เช่น เวลา เงิน หรือความคิดสร้างสรรค์ และในระยะยาวคุณสามารถปล่อยให้มันสร้างเงินได้ด้วยตัวมันเอง อาจจะต้องเข้ามาตรวจสอบระบบบ้างเดือนละครั้ง แต่ภาพรวมคือคุณไม่ต้องใช้เวลามากมาทุ่มลงกับมันครับ
1.2 Active Income คืออะไร?
Active Income หมายถึงรายได้ที่คุณได้รับโดยตรงจากการทำงาน เช่น งานประจำ งานฟรีแลนซ์ หรือการให้บริการที่ต้องลงแรงและใช้เวลา เมื่อหยุดทำงาน รายได้ก็จะหยุดตามไปด้วย
2. ความสำคัญของ Passive Income
2.1 เพิ่มความมั่นคงทางการเงิน
Passive Income ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว หากคุณประสบกับปัญหาเช่น ตกงาน ป่วย ไม่สามารถทำงานได้ ในระยะหนึ่ง รายได้แบบพาสซีฟนี้สามารถช่วยเสริมรายได้ให้คุณยังคงใช้ชีวิตได้ตามปกติในระดับนึง
2.2 เพิ่มโอกาสในการลงทุน
รายได้ที่ได้รับอย่างต่อเนื่องจาก Passive Income สามารถนำไปลงทุนต่อในสินทรัพย์อื่น ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม
2.3 สร้างอิสรภาพทางการเงินได้
Passive Income ช่วยให้คุณสามารถมีชีวิตที่อิสระจากข้อจำกัดของงานประจำ เช่น การใช้เวลาอยู่กับครอบครัว หรือการเดินทางท่องเที่ยว ถ้าหากมากพอ มากกว่า
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างความมั่นคงทางการเงินได้ที่นี่:
สร้างอิสรภาพทางการเงินได้อย่างไร
2.4 สร้างความสบายใจทางการเงิน
ถ้าหากเรามีรายได้หลายทางย่อมดีกว่าทางเดียว มันทำให้เรามีความสบายใจ เวลาจะทำอะไรเราจะสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น ถ้าหากเรามีรายจ่ายทุกเดือน และเรากำลังทำงานประจำอยู่ อยู่ๆก็ มีโอกาสใหม่ ใหม่ที่มีข้อเสนอรายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่มาพร้อมกับความเสี่ยงว่าจะทำได้รึไม่ ถ้าเรามี Passive Income ระดับนึง คงจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นใช่ไหมครับเพราะรู้สึกปลอดภัย อย่างน้อยถ้าไปทำงานที่ใหม่แล้วไม่รอดก็ยังมีรายได้อยู่ไว้ประคองชีวิต
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลดความกังวลเรื่องการเงิน:
เคล็ดลับลดความเครียดเรื่องการเงิน
3. เปรียบเทียบ Active Income และ Passive Income
คุณสมบัติ | Active Income | Passive Income |
ลักษณะการทำงาน | ต้องใช้เวลาและแรงงานอย่างต่อเนื่อง | ใช้แรงงานหรือทรัพยากรในช่วงแรกแล้วพักได้ |
ความยั่งยืน | จำกัดตามชั่วโมงการทำงาน | มีโอกาสสร้างรายได้ในระยะยาว |
ตัวอย่าง | งานประจำ, ฟรีแลนซ์ | ค่าเช่าบ้าน, ดอกเบี้ย, ค่าลิขสิทธิ์ |
ตัวอย่าง Active Income:
- งานประจำ / งานรับจ้างทั่วไป
- งานที่ปรึกษา เช่น การให้คำแนะนำในธุรกิจ
- การทำงานฟรีแลนซ์ เช่น การออกแบบกราฟิก การเขียนบทความ
ตัวอย่าง Passive Income:
- การปล่อยเช่าบ้านหรือคอนโด
- สร้างคอร์สออนไลน์เพื่อสอนความรู้ที่คุณมี
- การขายภาพถ่ายหรือวิดีโอบนแพลตฟอร์ม
- ดอกเบี้ย, เงินปันผลจากการลงทุน
4. วิธีการสร้าง Passive Income ผ่านการลงทุน
ผมจะเริ่มเล่าถึงวิธีการสร้าง Passive Income ในวิธีการต่างๆ ซึ่งแต่ละคนจะมีจริตในการสร้าง Passive Income ไม่เหมือนกัน ซึ่งผมจะปูภาพรวมให้อ่านก่อน
4.1 การลงทุนผ่านอสังหาริมทรัพย์
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอ เช่น ค่าเช่าบ้าน, คอนโด เช่น การลงทุนในคอนโดที่ดีจะต้องให้ผลตอบแทนขั้นต่ำ 7% ต่อปี เนื่องจากว่าต้นทุนการกู้ยืมเงินมานั้นโดยเฉลี่ยแล้ว 3 ปีแรกจะอยู่ประมาณ 3% ดังนั้นจะต้องมีส่วนต่างของความปลอดภัยในการปล่อยเช่า
ตัวอย่าง : ถ้าสำรวจพื้นที่แล้วพบว่าคอนโดแห่งนี้เก็บค่าเช่าได้ 8,000 บาทให้นำ 8,000 บาทมาคูณ 12 จะได้ทั้งหมด 96,000 บาทแล้วนำมาหาร 7% จะได้ราคาซื้อไม่เกิน 1,371,428 บาท ซึ่งถ้าหากเราซื้อได้แพงกว่านี้ผลตอบแทนก็จะลดลงนั่นเอง
นอกจากที่จะดูเรื่องการคำนวณผลตอบแทนของอสังหาริมทรัพย์แล้วเราจะต้องดูทำเลที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์นั้นด้วย ว่าอยู่ในทำเลที่ดีหรือไม่ คอนโดแห่งนั้นมีผู้เช่าหรือคนอยู่อาศัยเต็มหรือเปล่า สถานที่รอบข้างของคอนโดแห่งนี้มีคู่แข่งเยอะไหมหรือการเติบโตของประชากรมีแหล่งงานโรงเรียนสถานที่อำนวยความสะดวกเช่นเซเว่นอีเลฟเว่น ธนาคาร อยู่ข้างเคียงหรือไม่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการที่จะลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ชิ้นนั้นนะครับ
4.2 การลงทุนหุ้นกองทุนรวม และ ตราสารหนี้
- หุ้นและกองทุนรวม: ให้ผลตอบแทนระยะยาวจากเงินปันผลหรือมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะต้องเลือกหุ้น และกองทุนรวมที่มีความสามารถในการปันผลได้ในระยะยาวและอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
- ตราสารหนี้: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงและความเสี่ยงต่ำ
- เงินฝากประจำ: ความเสี่ยงของการฝากเงินประจำผลตอบแทนจะน้อยที่สุดและแน่นอนครับเราสามารถดึงออกมาใช้ได้เลยทันทีหรือตามโปรแกรมของทางธนาคารที่กำหนดครับ
4.3 การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี
คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เป็นการลงทุนที่มีศักยภาพสูง แต่ก็เต็มไปด้วยความผันผวน คุณสามารถสร้าง Passive Income ได้จาก:
- Staking: รับดอกเบี้ยจากการถือเหรียญในกระเป๋าเงินดิจิทัล
- Yield Farming: ลงทุนในแพลตฟอร์ม DeFi เพื่อสร้างผลตอบแทน
เคล็ดลับสำหรับการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี
- เลือกเหรียญที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น Bitcoin หรือ Ethereum
- ใช้แพลตฟอร์มซื้อขายที่มีความปลอดภัย
- กระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง
5. การสร้าง Passive Income ผ่านการสร้างผลงาน
5.1 การเขียนหนังสือหรือ Ebook
คุณสามารถเปลี่ยนความรู้หรือประสบการณ์ของคุณให้เป็นรายได้ด้วยการเขียนหนังสือหรือ Ebook และเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Amazon Kindle
5.2 การทำเพลงและวิดีโอ
หากคุณมีความสามารถทางดนตรีหรือการตัดต่อวิดีโอ คุณสามารถสร้างรายได้จากค่าลิขสิทธิ์ผ่านแพลตฟอร์มเช่น Spotify หรือ YouTube
5.3 การถ่ายภาพและขายภาพออนไลน์
การขายภาพถ่ายหรือวิดีโอบนแพลตฟอร์ม เช่น Shutterstock หรือ Adobe Stock ช่วยให้คุณได้รับค่าลิขสิทธิ์จากการดาวน์โหลด
5.4 การทำ YouTube , เว็บไซต์ หารายได้จากค่าโฆษณา
เมื่อช่อง YouTube ของคุณหรือเว็บไซต์ของคุณเริ่มมี Traffic เข้ามาเข้าเกณฑ์ขั้นต่ำของช่องทางนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นคนดูคนไลค์ หรือคน Subscribe จะเริ่มสามารถเปิดรับค่าโฆษณาจากแพลตฟอร์มนั้นๆได้ซึ่งสามารถหาเงินได้ในระยะยาวเหมือนกับ Passive Income นะครับ
6. สร้าง Passive Income เดือนละ 30,000 บาท ต้องลงทุนเท่าไหร่?
1. เงินฝากออมทรัพย์
ความเสี่ยง: ต่ำ
ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี: 0.50%
จำนวนเงินลงทุนที่ต้องมี: 72 ล้านบาท
เงินฝากออมทรัพย์เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความมั่นคงและไม่มีความเสี่ยง แต่ด้วยผลตอบแทนที่ต่ำ อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักสำหรับการสร้าง Passive Income เดือนละ 30,000 บาท
2. เงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัล
ความเสี่ยง: ต่ำ
ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี: 1.50%
จำนวนเงินลงทุนที่ต้องมี: 24 ล้านบาท
เงินฝากดิจิทัลให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากปกติเล็กน้อย เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นลงทุนและต้องการความปลอดภัย
3. ประกันสะสมทรัพย์
ความเสี่ยง: ค่อนข้างต่ำ
ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี: 2% – 3%
จำนวนเงินลงทุนที่ต้องมี: 12 – 18 ล้านบาท
ประกันสะสมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ให้ความมั่นคงทางการเงิน พร้อมผลตอบแทนที่แน่นอน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว
4. ตราสารหนี้ / กองทุนรวมตราสารหนี้
ความเสี่ยง: ค่อนข้างต่ำ
ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี: 2% – 5%
จำนวนเงินลงทุนที่ต้องมี: 7.2 – 18 ล้านบาท
ตราสารหนี้หรือกองทุนรวมตราสารหนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าประกันสะสมทรัพย์เล็กน้อย แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต่ำ
5. อสังหาริมทรัพย์ / กองทุนรวมอสังหา
ความเสี่ยง: ปานกลาง
ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี: 6% – 10%
จำนวนเงินลงทุนที่ต้องมี: 3.6 – 6 ล้านบาท
อสังหาริมทรัพย์ เช่น การซื้อคอนโดเพื่อปล่อยเช่า หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้สม่ำเสมอจากค่าเช่า
6. หุ้น / กองทุนรวมหุ้น
ความเสี่ยง: สูง
ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี: 8% – 12%
จำนวนเงินลงทุนที่ต้องมี: 3 – 4.5 ล้านบาท
หุ้นและกองทุนรวมหุ้นเหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง แต่ต้องการผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาว
7. การจัดพอร์ตการลงทุนและการกระจายความเสี่ยง
7.1 ทำไมต้องกระจายการลงทุน?
การกระจายการลงทุนช่วยลดความเสี่ยง หากสินทรัพย์บางประเภทล้มเหลว คุณยังมีสินทรัพย์อื่นที่รองรับ เช่น แบ่งการลงทุนเป็น 40% หุ้น, 30% อสังหาริมทรัพย์, 20% ตราสารหนี้ และ 10% คริปโทเคอร์เรนซี ดีกว่าวางไข่ไว้ในตระกร้าใบเดียวนะครับ
7.2 การดูแลสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
- ตรวจสอบผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
- ปรับพอร์ตเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการจัดการการเงิน:
Rich Dad, Poor Dad: เปลี่ยนวิธีคิดเรื่องเงิน
สรุป: วิธีเริ่มต้นสร้าง Passive Income เพื่อชีวิตที่มั่นคงในอนาคต
ในบทความนี้หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจถึงความหมายว่า Passive Income คืออะไร? ซึ่งสามารถสรุปได้ง่ายๆว่า Passive Income เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว คุณสามารถเริ่มต้นได้จากการลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับตัวคุณ หรือใช้ความสามารถพิเศษสร้างผลงานที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาว
ลองดูบทความเพิ่มเติมได้ดังนี้