คุณเคยสงสัยไหมครับว่าตั้งแต่เรียนจบมาทำงานก็ยังรู้สึกว่าไม่ร่ำรวยขึ้นเลยสักที บางคนก็ไปหาหมอดูเพื่อที่จะได้ดูดวงว่าตัวเองนะในอนาคตจะรวยขึ้นไหม บางคนก็ไปทำบุญไหว้พระสวดมนต์ภาวนาให้ตัวเองนั่นร่ำรวยขึ้น แต่จริงๆแล้วมันมีวิธีที่ง่ายมากครับที่เราจะสามารถดูได้ว่าตัวเราเองในอนาคตนั้นร่ำรวยขึ้นหรือจนลง จากการดูงบการเงินส่วนบุคคลของเขานั่นเอง
ถ้าหากเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ในรูปแบบการลงทุน บริษัทนั้นจะมีตัวที่บอกว่าบริษัทนั้นมีการเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกๆปี หรือขาดทุนทุกๆปี นั่นคืองบการเงินของบริษัท ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างๆเห็นได้ชัดว่าบริษัทนี้ควรจะลงทุนหรือไม่
ในทำนองเดียวกัน ตัวเราเองก็มีผลประกอบการทุกๆปีเช่นกันนะครับ
- เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในแต่ละปี
- ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในแต่ละปี
- หนี้สินที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในแต่ละปี
- รายรับและรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในแต่ละปี
ซึ่งผลประกอบการเหล่านี้จะถูกสรุปออกมาในรูปของงบการเงินส่วนบุคคลนั้นเอง ทำให้เรารู้ว่าในแต่ละปีนั้นเรามีแนวโน้มที่จะรวยขึ้น หรือ จนลงอย่างไร ซึ่งในบทความนี้ผมจะมาอธิบายว่างบการเงินส่วนบุคคลเป็นอย่างไรบ้างและมีการแจก Excel ไฟล์ให้พวกเราลองทำงบการเงินส่วนบุคคลแบบง่ายๆให้กับตัวเราเองดูในท้ายบทความนี้ แต่ต้องเกริ่นก่อนว่าอาจจะไม่เหมือนหรือตรงหลักการในวิชาบัญชีซะทีเดียวเพราะผมได้ทำการประยุกต์ให้เหมาะสมกับการสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวพวกเราเองนะครับ
สารบัญ
1.งบการเงินส่วนบุคคลคืออะไร?
งบการเงินส่วนบุคคล (Personal Income Statement) คือเครื่องมือที่ทำการตรวจสถานะเอ็กซเรย์สุขภาพทางเงินของเรา ซึ่งจะบอกถึงข้อมูลต่างๆคือ ทรัพย์สิน หนี้สิน รายรับ รายจ่าย หรือรายการที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้ในการวางแผนทางด้านการเงินให้แก่บุคคลทุกคนทำให้ทราบสถานะทางการเงินในปัจจุบัน และสามารถทำนายสถานะทางการเงินในอนาคตได้อีกด้วย ถ้าหากเราสามารถรู้ถึงสถานะทางการเงินเราก็จะทำให้เราสามารถตัดสินใจวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ซึ่งองค์ประกอบของงบการเงินส่วนบุคคลนั้นจะประกอบด้วย 2 งบการเงินย่อยๆนั่นคือ
- งบรายรับ-รายจ่าย (Income Statement) ซึ่งจะเป็นตัวบอกถึง “สภาพคล่อง”
- งบแสดงสถานะทางการเงิน (Statement of Financial Position) ซึ่งจะเป็นตัวบอกถึง “ความมั่งคั่ง”
2.งบรายรับ-รายจ่ายคืออะไร?
งบรายรับ-รายจ่าย (Income Statement) คือ รายการทางการเงินที่บอกถึงสภาพคล่องของแต่ละบุคคล ซึ่งมีโครงสร้างประกอบด้วย รายรับ เงินออม รายจ่าย และ เงินคงเหลือ โดยมีความสัมพันธ์แบบง่ายๆคือ “รายรับ – เงินออม – รายจ่าย = เงินคงเหลือ” เป็นการอธิบายการไหลเข้าและออกของเงินว่าเงินที่เราได้รับมามาจากช่องทางไหนบ้างและจ่ายไปกับอะไรบ้างในแต่ละเดือน
2.1 รายรับ (Income) ได้แก่เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าคอมมิชชั่น ค่าล่วงเวลา(OT) โบนัส ค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าลิขสิทธิ์เป็นต้น
2.2 เงินออม (Saving & Investment) ได้แก่ รายการที่เราหักเงินออมและเงินไปลงทุนเป็นประจำทุกเดือน เช่นเงินออมรายเดือน เงินสะสมประกันสังคม เงินสะสมกองทุนบําเหน็จบํานาญกบข เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และอื่นๆ
2.3 รายจ่าย (Expense) ประกอบด้วยรายจ่าย 2 ประเภทคือ
- รายจ่ายคงที่ หมายถึง รายจ่ายประจำ หรือรายจ่ายที่เป็นภาระผูกพันมาจากหนี้เช่น ค่าผ่อนรถยนต์ ค่าผ่อนบ้าน ค่าเช่า ภาษี เงินชำระคืนหนี้สินเชื่อต่างๆเช่นค่าสาธารณูปโภค เบี้ยประกัน เงินที่ให้พ่อแม่หรือลูกที่ส่งเป็นประจำทุกเดือนเป็นต้น
- รายจ่ายผันแปร หมายถึง รายจ่ายที่บริหารจัดการได้ โดยผันแปรไปตามการจัดการของแต่ละคนในแต่ละเดือน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายส่วนตัวเป็นต้น
- เงินคงเหลือ หมายถึง เงินที่เหลือจากรายได้หักด้วยเงินออมและค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ในทางการเงิน “เงินคงเหลือ” นี้จะหมายถึงสภาพคล่องทางการเงินถ้าหากเงินคงเหลือไม่ติดลบก็จะถือว่ามีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีนั้นเอง
ทั้งนี้งบรายรับรายจ่ายของเราควรที่จะทำการประเมินไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 6-12 เดือนเพื่อให้เห็นการไหลเข้าออกขอเงินในกระเป๋าจะได้วางแผนล่วงหน้าได้ จากนั้นก็คอยบันทึกการใช้จ่ายในแต่ละวันแล้วมาทำการทบทวนในตอนสิ้นเดือนว่าการใช้จ่ายนั้นสอดคล้องกับงบที่กำหนดไว้หรือไม่
3.งบแสดงสถานะทางการเงิน?
งบแสดงสถานะทางการเงิน (Statement of Financial Position) คือ งบที่แสดงสถานะความมั่งคั่งทางการเงินของแต่ละคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง โดยประกอบด้วย
- ทรัพย์สิน (Assets) ที่เราครอบครองอยู่ (สิ่งที่ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น)
- หนี้สิน (Debts) ที่เราติดค้างอยู่ทั้งหมด (สิ่งที่ทำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้น)
งบแสดงสถานะทางการเงิน เราควรจะจัดทำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อทบทวนสถานะทางการเงินซึ่งโดยหลักการบริหารเงินที่ดีในแต่ละปีเราควรจะ “มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น มีหนี้สินลดลง” หรือถ้าหากมีใดมีหนี้สินเพิ่มขึ้นก็ควรมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นด้วยนะครับ
นอกจากนี้ยังมีตัวชี้วัดที่บ่งบอกว่าสถานการณ์ของเราอยู่ในระดับที่ดีหรือไม่ก็คือ ทรัพย์สินสุทธิ หรือ ความมั่งคั่งสุทธิ (Net Worth) ซึ่งคำนวณได้โดยการนำมูลค่าทรัพย์สินรวมหักออกด้วยหนี้คงค้างรวมทั้งหมด
ทรัพย์สินสุทธิ = มูลค่าทรัพย์สินรวม – หนี้คงค้างรวม
ถ้าหากเรามีทรัพย์สินสุทธิเป็นบวกนั้น หมายถึง สถานะการเงินที่ดีมีทรัพย์สินรวมมากกว่าหนี้สินนั้นเอง ในทางตรงข้ามถ้าทรัพย์สินสุทธิติดลบ ก็จะหมายถึงการสร้างหนี้มากเกินกว่าทรัพย์สินที่สะสมซึ่งอาจเกิดจากการกู้ยืมเงินไปใช้กับการบริโภคมากเกิน และอาจส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินของบุคคลทั้งนี้เพราะงบการเงินทั้ง 2 งบนี้มีความเชื่อมโยงกันในลักษณะเหตุและผลดังรูปด้านล่าง
4.วิธีการสร้างให้ตัวเรารวยขึ้นทุกๆปี
วิธีที่ทำให้ตัวเรารวยขึ้นทุกๆปีนั้นเกิดจากที่ชีวิตของตัวเรานั้นสะสมอะไรนั่นเอง เราจะเห็นได้จากผลลัพธ์ทางการเงินเช่น
- เราซื้อหุ้นเก็บสะสม (ทรัพย์สิน) เราก็จะได้รับเงินปันผล (รายรับ) เป็นประจำทุกปี
- เราซื้ออสังหาริมทรัพย์ปล่อยเช่า (ทรัพย์สิน) เราก็จะได้ค่าเช่า (รายรับ) เป็นประจำทุกเดือน
- เราก่อหนี้บัตรเครดิต (หนี้สิน) และยังไม่พร้อมจะชำระเต็มจำนวนเราก็จะต้องมีภาระเป็นเงินผ่อนชำระขั้นต่ำ (รายจ่าย) เป็นประจำทุกเดือน
- เราก่อหนี้ซื้อรถ (หนี้สิน) ต้องผ่อนค่างวดชำระรถยนต์ (รายจ่าย) เป็นประจำทุกเดือน
ดังนั้น ถ้าหากเรามีการสะสมทรัพย์สิน และลดหนี้สินลงมาทุกปีจำทำให้เราเหนื่อยหน่อยลงและมีความมั่งเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ
เพื่อนๆสามารถดาวน์โหลดไฟล์ Excel เพื่อวางแผนงบการเงินเบื้องต้นได้จากลิงค์นี้นะครับ
นอกจากนี้ผมยังมีบทความอีกหลากหลายบทความในการสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเราตามรายละเอียด Link นี้นะครับ
- สร้าง Passive Income สไตล์มนุษย์เงินเดือน [ฉบับละเอียด]
- [แชร์เทคนิค+How to] เริ่มต้นทำงาน ออมเก็บเงินอย่างไรให้ได้ 100,000 บาท ไวๆ
หวังว่าเพื่อนๆจะได้รับความรู้เกี่ยวกับการวางแผนงบการเงินส่วนบุคคลไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อให้มีความมั่งคั่งมากขึ้นในทุกๆปีนะครับ
แนะนำบทความที่น่าสนใจ