การสะสมความรู้จากหนังสือจะส่งผลให้ชีวิตมั่งคั่ง
มีคำสอนหนึ่งที่ตกทอดมาจากหมู่ชาวยิว นั้นคือ “ทรัพย์สินเงินทองอาจถูกขโมยไปหมดได้ แต่ความรู้ไม่มีใครขโมยได้” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชาวยิวให้ความสำคัญกับความรู้มากกว่าเงินทอง พวกเขาจึงยอมทุ่มเทเงินเพื่อให้ลูกได้รับการศึกษาสูงสุดเท่าที่จะทำได้และในที่สุด “ความรู้” ก็ชักนำให้ “เงินทอง” ไหลมาเทมา นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมชาวยิวจำนวนมากจึงประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีระดับโลก
ณ ตอนนี้ปี 2021 อีลอน มัสก์ บุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก (สินทรัพย์สุทธิ 197 พันล้านดอลล่า) เขาเคยเป็นหนอนหนังสือมาก่อน ในตอน 9 ขวบเขาได้เข้าห้องสมุดแล้วอ่านมันทั้งหมด ตอนเป็นวัยรุ่นอ่านหนังสือวันละ 2 เล่ม หลากหลายประเภทไม่ซ้ำกัน แม้แต่การก่อตั้งโปรเจค SpaceX โดยมีจุดประสงค์เพื่อพามนุษย์ไปยังดาวอังคารให้ได้ ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือชื่อ The Ultimate Hitchhiker’s Guide to the Galaxy นอกจากนี้เขายังมีผลงานอีกมากมายเข้าขั้นเรียกว่าว่ามหัศจรรย์เลยทีเดียว เช่น Zip2, PayPal, Tesla Motors, Solar City, Hyperloop, OpenAI, Neuralink
เจฟ บีซอส บุคคลผู้ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 2 (สินทรัพย์สุทธิ 182 พันล้านดอลล่า) เป็นหนอนหนังสือตั้งแต่ตอนเด็กเช่นกัน จนพ่อกับแม่กังวลว่าจะบ้าแต่ตำราจนต้องพาออกไปเล่นกีฬาอเมริกันฟุตบอล ผลงานของเขาอย่างที่รู้กัน คือ Amazon
บิล เกต บุคคลผู้ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 3 (สินทรัพย์สุทธิ 132 พันล้านดอลล่า) เจ้าของ Mycrosoft มีนิสัยรักการอ่านตั้งแต่เด็กๆ จนครอบครัวของเขาต้องตั้งกฏว่าห้ามอ่านหนังสือขณะอยู่บนโต๊ะอาหาร แม้แต่ต่อนนี้เขาก็ยังอ่านหนังสือปีละมากกว่า 50 เล่ม
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก บุคคลผู้ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 5 (สินทรัพย์สุทธิ 95.6 พันล้านดอลล่า) ก็ยังมีประกาศตั้งเป้าหมายว่า 2 อาทิตย์จะอ่านหนังสือให้ได้ 1 เล่ม
วอร์เรน บัฟเฟต บุคคลผู้ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 6 (สินทรัพย์สุทธิ 88.3 พันล้านดอลล่า) เจ้าพ่อการลงทุนสายวีไอผู้เป็นซีอีโอของบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ ใช้เวลา 80% ของวันนึงในการอ่านหนังสือบนโต๊ะทำงาน และอ่านหลากหลายประเภท เขาอ่านหนังสือวันนึงเฉลี่ยวันละ 500 หน้า
นี่คงเป็นตัวอย่างที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการสะสมความรู้จากหนังสือจะส่งผลให้ชีวิตมั่งคั่ง