ในบทความนี้ ผมจะนำหนังสือ 7 อุปนิสัยสำหรับผู้ทรงประสิทธิผลยิ่ง มาเล่าให้ฟังนะครับ ต้องบอกว่าหนังสือเล่มนี้เป็นระดับตำนานในเรื่องของการพัฒนาตัวเองเล่มแรกๆเลย ที่ยังเป็นหนังสือขายดีมาจนถึงทุกวันนี้ และหลักการต่างๆก็ยังสามารถนำมาใช้ปฏิบัติได้จนถึงในปัจจุบัน โดยเนื้อหาในหนังสือจะเป็นการกล่าวถึง แก่น 7 นิสัยพื้นฐานที่ทุกๆคนที่อยากจะประสบความสำเร็จ ร่ำรวย นั้นจะต้องมี
หนังสือThe 7 Habits of Highly Effective People เล่มนี้ แต่งโดย ดร. สตีเฟน อาร์. โควี (Stephen R. Covey) มีจำนวนหน้าทั้งหมด 520 หน้า ถูกตีพิมพ์ออกมาขายแล้วมากกว่า 25 ล้านเล่มทั่วโลก ถูกแปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 34 ภาษา โดยครั้งแรกถูกตีพิมพ์ในประเทศไทยในปี 2541 และยังเป็นหนังสือขายดีมาจนถึงทุกวันนี้
สารบัญ
#ทัศนคติของผู้ประสบความสำเร็จนั้นสำคัญอย่างไร?
คุณสตีเฟ่น โควี ได้ค้นพบว่าคนที่จะประสบความสำเร็จนั้นอาจเป็นไปได้ 2 แบบคือ
1.พัฒนาทักษะที่คุณอยากจะเก่งให้เก่งขึ้น
- ถ้าหากคุณอยากลงทุนหุ้นมีกำไร คุณก็ต้องศึกษาถึงวิธีการลงทุน การอ่านหนังสือ ความสม่ำเสมอในการลงทุน
- ถ้าหากคุณอยากสุขภาพดี คนก็ต้องศึกษาวิธีการทำให้สุขภาพดี การออกกำลังกาย การทานอาหารคลีน และสุขภาพ
ซึ่งการพัฒนา “ทักษะ” เหล่านี้ มันสามารถทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ในระดับหนึ่งแต่อาจจะไม่ได้ยั่งยืนเพราะสุดท้ายนิสัยของคุณในรูปแบบเดิมมันก็จะกลับมากลบทักษะนั้นไม่ช้าก็เร็ว ซึ่งถ้าอยากให้ยั่งยืนนั้นต้องมาทำตามวิธีที่ 2 นี้ครับคือ
2.ปรับทัศนคติ ธาตุแท้ของคุณ
เส้นทางนี้ก็คือการปรับทัศนคติจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งมันคือการปรับนิสัย ปรับระบบความเชื่อ ปรับมุมมองต่อโลกใบนี้ เมื่อคุณปรับทั้งหมดนี้มันจะเป็นธาตุแท้ของตัวคุณ ควรจะไม่จำเป็นที่จะต้องฝืนตัวเอง และนิสัยเหล่านี้จะติดอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต
- ถ้าคุณอยากสุขภาพดี นอกจากที่คุณจะศึกษาวิธีการทำให้สุขภาพดีแล้วคุณต้องปรับทัศนคติภายในของคุณก่อน ลองคิดถึงเหตุผลว่าทำไมคุณต้องสุขภาพดี เช่น เพื่อที่จะได้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ,เพื่อที่จะได้อยู่เลี้ยงดูครอบครัวคนที่เรารักได้นานๆ ,เพื่อที่จะได้สามารถหารายได้ได้มากขึ้น ,ไม่ต้องไปเจ็บป่วยในโรงพยาบาล เมื่อคุณเริ้มรู้แล้วว่าทำไมคุณถึงต้องสุขภาพดี จากคุณมาปรับนิสัยในเรื่องของการออกกำลังกาย การทานอาหาร ต่อนั่นเอง
ดังนั้นให้เริ่มจากการปรับทัศนคติของคุณก่อนเพื่อที่จะทำให้เกิดความประสบความสำเร็จเป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
#7 อุปนิสัยพัฒนาสู่ผู้มีประสิทธิผลสูง
1.ต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นทำก่อน (Be Proactive)
ในโลกใบนี้แบ่งคนออกเป็นทั้งหมด 2 กลุ่มคือ
- เป็นผู้กระทำ (Proactive) เวลาที่เราต้องการอะไร เราต้องเป็นผู้ริเริ่มหรือเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองตามมา แล้วจะเกิดผลลัพธ์ตามมา ซึ่งคนประเภทนี้จะคิดว่าตัวเองเป็นผู้กำหนดชีวิตของตน อยู่ที่การกระทำของตัวเอง เขาจะโฟกัสในสิ่งที่เขาสามารถควบคุมได้ เช่นการควบคุมอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ของตัวเอง
- เป็นถูกกระทำ (Reactive) คือคนที่หมุนไปตามโลกของคนอื่น เมื่อเจอสภาพแวดล้อมแบบไหนก็เป็นไปตามนั้น เป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกตัวเองไม่ได้ มีนิสัยขี้บ่น ชอบโทษ ชอบอ้าง
นิสัยที่ 1 นี้ก็คือให้เป็นคน Proactive ครับ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาชีวิตอะไรกับคุณ ให้คุณนั้นมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหานั้นด้วยตัวของคุณเอง แทนที่จะไปกล่าวโทษโชคชะตาสิ่งแวดล้อมภายนอก
2.เริ่มต้นโดยมีเป้าหมายชัดเจน (Begin with the end in mind)
หลายๆคนนั้นใช้ชีวิตไปวันๆ โดยที่ไม่รู้ว่าเป้าหมายในชีวิตที่ตัวเองต้องการนั้นคืออะไร ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตอนจบของชีวิตนั้นเราต้องการอะไรบ้าง สำหรับคนที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตนั้นจะต้องรู้เป้าหมายในตอนจบอย่างชัดเจนว่าต้องการอะไรในชีวิตกันแน่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่การงาน ฐานะ ร่ำรวย ครอบครัว ความสัมพันธ์ สุขภาพ และอื่นๆในชีวิต
ยกตัวอย่างสักด้านนึงนะครับ เช่น ลองคิดดูว่าคุณในอนาคตอีก 5 ปี อยากจะได้อะไร เช่นถ้าคุณอยากได้บ้านเพื่อจะได้อยู่กับครอบครัวได้อย่างมีความสุข ก็ให้ลองคิดต่อว่าคุณอยากได้บ้านแบบไหน บ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น มีกี่ห้องน้ำ กี่ห้องนอน กี่ห้องนั่งเล่น จะตกแต่งบ้านอย่างไร จะวางทีวีไว้ส่วนไหน วางเตียงไว้ตรงไหน ลูกๆอยู่ห้องไหน บ้านอยู่ที่ตำแหน่งที่ใด การที่คุณสามารถคิดถึงเป้าหมายที่ชัดเจนได้ถึงขนาดนี้มันจะเหมือนเป็นแผนผังการเดินทางของคุณให้ไปสู่จุดมุ่งหมายนั้น จากนั้นค่อยมาหา วิธีและกระบวนการเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น
3.ทำสิ่งสำคัญกว่าก่อน (Put first things first)
ในการที่จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จนั้นคุณจะต้องบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆ เพราะเวลานั้นเป็นทรัพยากรที่ทุกคนมีเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง โดยแนวคิดง่ายๆในการบริหารเวลาสามารถทำได้ดังนี้
- งานสำคัญและเร่งด่วน เป็นงานที่ต้องทำเดี๋ยวนั้นถ้าไม่ทำจะเกิดปัญหา เช่น โครงการที่มีกำหนดเดดไลน์, ปัญหากดดัน, เรื่องวิกฤต
- งานสำคัญและไม่เร่งด่วน เป็นงานที่สามารถวางแผนและเตรียมตัวได้ เช่น การวางแผนพัฒนาตัวเอง, การอ่านหนังสือ, การออกกำลังกาย, การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว
- งานไม่สำคัญและเร่งด่วน งานที่ไม่ค่อยจำเป็นทำแล้วก็ไม่เกิดผลอะไร เช่น งานแทรก, โทรศัพท์เข้า, ประชุม
- งานไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน เรื่องที่มาขัดจังหวะไม่ทำก็ไม่มีผลกระทบอะไร เช่น เรื่องสร้างความสนุกสนานบันเทิง ดูทีวี ซี่รีย์ เล่นเกม
สำหรับแนวคิดในการบริหารเวลานี้ เรื่องของ “งานสำคัญและไม่เร่งด่วน” นั้น ถือว่าสำคัญที่สุดในการทำให้เราประสบความสำเร็จเพราะมันเกี่ยวข้องกับแผนระยะยาวที่ทำให้เราไปถึงเป้าหมายที่ต้องการในชีวิต ดังนั้น การที่จะทำให้คุณมีเวลาในงานสำคัญและไม่เร่งด่วนนี้มากขึ้น คุณต้องรู้จักปฏิเสธคำร้องขอของผู้อื่น ในกรณีที่เป็นเรื่องด่วนจริง ก็ต้องรู้ว่าควรจะมอบหมายให้ใครรับไปทำแทนจึงจะไม่เกิดความเสียหายและยังได้ผลไม่ต่างไปจากคุณทำเอง นอกจากนี้คุณยังสามารถกำหนดตารางเวลาบล็อกไว้สำหรับงานนี้โดยเฉพาะเลยก็ได้
สามารถอ่านวิธีการทำ To Do List การบริหารเวลาลิงค์นี้ได้ครับ
4.คิดแบบชนะทั้ง 2 ฝ่าย (Think Win-Win)
สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จนั้น จะต้องเริ่มจากแนวคิดที่ตัวคุณเองนั้นจะต้อง mindset ที่เป็นบวก ในเมื่อคุณต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น คนจะต้องคิดถึงวิธีการหรือสถานการณ์ที่ชนะด้วยกันทั้งสองฝ่าย แนวคิดนี้จะทำให้เกิดผลดีด้วยกันในระยะยาว สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และยังยืน แต่ถ้าหากไม่ถึงขนาดที่จะชนะด้วยกันทั้งสองฝ่ายอย่างน้อยก็ต้องไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายแพ้
5.การพยายามเข้าใจคนอื่นก่อน (Seek first to understand then to be understood)
คุณควรตั้งใจฟังเพื่อทำความเข้าใจ (understand) ปัญหาตลอดจนแง่คิดมุมมองของบุคคลให้ชัดเจน (understood) ก่อนจะให้ข้อเสนอหรือคำแนะนำใด ๆ
ตัวอย่างเช่น คุณเดินเข้าไปที่ร้านแว่นตาแล้วบอกเจ้าหน้าที่ร้านขายแว่นตาว่ามองเห็นไม่ชัด แทนที่เจ้าหน้าที่จะพาไปวัดเครื่องวัดสายตาที่ทันสมัยแล้วตัดเลนส์ให้ เขากลับนำแว่นตาที่เขาใส่อยู่ออกมาแล้วลองให้คุณลองใส่ เหตุผลง่ายๆก็คือเจ้าหน้าที่บอกว่าแว่นตานี้ที่เขาใส่อยู่นั้นทำให้เขามองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุดเพราะไม่เข้าใจเขา
ดังนั้นการฟังถือว่าเป็นทักษะสำคัญในการเข้าใจคนอื่นก่อนและต้องมีการซักถามด้วยความเห็นอกเห็นใจ (empathic listening) ที่ผู้ฟังรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัยที่จะตอบคำถามของคุณ
6.ชอบประสานงานเพื่อเพิ่มพลัง (Synergize)
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการเก็บลูกมะพร้าวที่อยู่บนต้นมะพร้าว คุณคนเดียวความสูงไม่สามารถเก็บได้แต่ถ้าหากมีเพื่อนของคุณมาช่วยต่อตัวคุณให้สูงขึ้นก็สามารถเอื้อมถึง และได้เก็บลูกมะพร้าวมากินด้วยกันสมใจอยาก เปรียบเสมือนหลักการ 1+1 รวมพลังกัน ได้ผลลัพธ์มากกว่า 2 นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์ดังนี้คือ
- เห็นคุณค่าความแตกต่างจากคนอื่น
- ช่วยให้มุมมองมีความกว้างขวางมากกว่าเดิม
- มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ได้เลือกแนวทางจากมุมมองของคนอื่นที่เราไม่สามารถคิดได้มาก่อน
7.ฝึกฝนตนเองให้พร้อมเสมอ (Sharpen the saw)
การที่จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้น ใช้เวลา ต้องใช้เวลาในการปรับปรุงตนเองทั้งด้านร่างกาย (physical), จิตใจ (spiritual), สติ (mental), และการรักษาความสัมพันธ์ทางสังคม (emotional/social) การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เราได้ฝึกใช้อุปนิสัยแต่ละอย่างให้ส่งเสริมซึ่งกันและกัน
ต้องบอกว่าข้อนี้เป็นข้อที่ผมชอบมากที่สุดนะครับ ในโลกปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเร็วมากเพราะฉะนั้นเราก็ต้องมีเวลาในการพัฒนาปรับปรุงตัวเองศึกษาหาความรู้ หาข้อมูลให้ทันโลกอยู่เสมอไม่งั้นเราก็จะล้าหลัง
มีคำพูดเนื่องในหนังสือผมชอบมากคือ “ถ้าให้เวลาคุณตัดต้นไม้ 10 ชม. เท่ากับคนอื่น คุณควรเลือกที่จะเสียเวลา 3 ชม. เพื่อลับคมเลื่อยนั้นให้มีความคม เพื่อใช้เวลา 7 ชม. ที่เหลือนั้น เลื่อยไม้ให้ขาดได้โดยง่าย”
ก็จบกันไปแล้วนะครับสำหรับสรุปรีวิวหนังสือ 7 อุปนิสัย สำหรับผู้ทรงประสิทธิผลยิ่ง (The 7 Habits of Highly Effective People) หวังว่าเพื่อนๆจะสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปพัฒนาตัวเองให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้นไปนะครับ
สามารถสั่งซื้อหนังสือได้จากลิงค์นี้
แนะนำบทความที่น่าสนใจ
- [สรุป+ไอเดีย] การเงินของ พ่อรวยสอนลูก
- สร้าง Passive Income สไตล์มนุษย์เงินเดือน [ฉบับละเอียด]
- [แชร์เทคนิค+How to] เริ่มต้นทำงาน ออมเก็บเงินอย่างไรให้ได้ 100,000 บาท ไวๆ
- E-Book แนะนำ เส้นทางสู่เศรษฐีเงินล้านอัตโนมัติ