อาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เป็นอาชีพที่ทำเงินได้จริง ได้เร็วได้เป็นก้อนใหญ่ ดังนั้นจึงมีคนมากมายที่อยากเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และด้วยความที่มีทัศนคติแบบนี้ เลยทำให้มีนายหน้าหน้าใหม่กระโดดเข้าวงการมากมาย และมีคนที่ถอดใจจากอาชีพนี้ก็มากมายเช่นเดียวกัน
ดังนั้นคุณควรจะเรียนรู้วิธีการเริ่มตันที่ถูกต้อง เพื่อที่จะทำให้คุณไม่ต้องเสียกำลังใจเวลาอาชีพนี้มันไม่ทำเงินอย่างที่คาดคิด ถ้าจะถามว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร นี่เป็นคำถามที่ผิดครับ เพราะแท้ที่จริงจะต้องถามว่าควรจะเริ่มต้นเมื่อไร เพราะอาชีพนี้ไม่ต้องใช้ปริญญา แต่ใช้ความรู้และความตั้งใจจริง เพียงเท่านี้ก็เป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ได้แล้ว แต่ 6 สิ่งที่นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ควรต้องรู้ไว้เมื่อคิดจะกระโดดเข้ามาทำงานนี้ และอะไรบ้างล่ะที่ต้องรู้ ไปดูกันครับ
สารบัญ
1. รู้จักหาทรัพย์มาขาย
สิ่งแรกที่ต้องทำคือหาข้อมูลของทรัพย์เพื่อมาขาย ซึ่งสามารถหาได้จากป้ายประกาศ อินเทอร์เน็ต ญาติพี่น้องเพื่อนฝูง แต่สำหรับนายหน้ามือใหม่แนะนำให้เริ่มหาจากแหล่งที่ตนเองรู้หรือเชี่ยวชาญ เช่น เริ่มจากแถวบ้านและแถวที่ทำงาน เพราะมีความรู้ความชำนาญในพื้นที่นั้นๆ เป็นอย่างดี
เริ่มจากทรัพย์เล็ก ๆ ก่อนเพื่อฝึกฝนความรู้ความสามารถ เมื่อชำนาญแล้วค่อยขยับเริ่มจับทรัพย์ใหญ่ จะว่าไปแล้วด่านนี้ถือเป็นด่านแรกที่วัดใจว่าคุณกล้าพอที่จะเดินในเส้นทางนี้หรือเปล่า เพราะเมื่อหาทรัพย์ได้ต้องยกสายเพื่อเจรจาตกลงกับเจ้าของทรัพย์ชั่งในวงการนายหน้าจะเรียกขั้นตอนนี้ว่า หา Lising อาจต้องลงแรงหน่อยในช่วงแรก เพราะยังไม่มีนักลงทุนที่รู้จัก แต่พอทำไปสักพัก คุณในมีเครือข่ายรู้จักนักลงทุน คราวนี้การปิดจ็อบก็จะไม่ยากเลย
2. รู้จักสร้าง Farming ของตัวเองขึ้นมา
คล้าย ๆ กับการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงขึ้นมาเอง ไม่ควานหาทรัพย์แบบสะเปะสะปะ ไม่จำเป็นต้องกำหนด Farming ให้กว้างหรือไกลเกินไปแต่ควานหาในพื้นที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น เนันทำเลที่ดีที่สุดเป็นหลัก คุณ
ต้องติดตามสอดส่อง เฝ้าดูความเคลื่อนไหวอสังหาฯ ในย่านที่คุณเจาะจงไว้ทุก ๆ วัน และต้องทราบด้วยว่าราคาซื้อขายอยู่ในวงเงินเท่าไร โซนที่สนใจมีหมู่บ้านกี่แห่ง ตึกขนาดเท่าไร ลักษณะเป็นอย่างไร มีประกาศขายกี่หลัง ขายอยู่ที่เท่าไร ขายได้จริงเท่าไร ที่ดินเปล่าตารางละเท่าไร ราคาประเมินธนาคารเท่าไร ต้องลงลึกแบบรู้ลึกรู้จริงเพื่อได้ List มาอย่างประสิทธิภาพ ส่วนการขยาย Farm นั้นจะทำเมื่อไรก็ได้ แต่อย่าเกินกำลังตัวเอง หรือเกินความสามารถที่จะดูแลได้ทั่วถึงเพราะความเชื่อถือของลูกค้าอาจลดลงนั่นเอง
3. รู้จักการทำสัญญาแต่งตั้งนายหน้า
สัญญาการแต่งตั้งนายหน้าจะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบปิดและแบบเปิด โดยทั่วไปนายหน้าที่ทำรูปแบบบริษัทจะทำสัญญาแบบปิดเพราะให้สิทธิ์นายหน้าผู้นั้นเพียงผู้เดียวในการขายทรัพย์ โดยระบุในสัญญาสิ้นสุดเมื่อใด
แม้แต่เจ้าของก็ไม่เสียสิทธิ์ที่จะขายเอง ซึ่งทำให้นายหน้ามีแรงจูงใจในการขาย ไม่ต้องกังวลว่าจะแข่งกับใคร ทำให้กระตือรือรัน แต่ถ้าเป็นสัญญาแบบเปีด จะใช้นายหน้าหลายคนทำหน้าที่พร้อมกันในการชาย อาจเพิ่มใอกาสในการขายได้ร็วขึ้น และไม่จำกัดเวลาต่ออายุไป เรื่อย ๆ ทำให้ไม่ค่อยมีนายหน้าอสังหาฯ คนไหนทุ่มเทกับการขายให้
ข้อดีคือเปิดโอกาสให้เจ้าของทรัพย์ขายเองได้ด้วย (ถ้าเจ้าของทรัพย์ขายได้เอง ก็ไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชัน 3% ให้กับนายหน้า) แต่สำหรับคนเป็นนายหน้ามันเป็นข้อเสีย เพราะคู่แข่งเยอะ เสี่ยงต่อการอดได้กับสัญญาลักษณะนี้ค่าคอมมิชชัน
4. ช่องทางทำการตลาด
การจะเป็นนายหน้าอสังหาฯ ที่ประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องมีไอเดียในการขาย รู้จักพลิกแพลง มีการเจรจาต่อรอง สามารถบอกข้อดีข้อเสีย ทำตัวให้น่าเชื่อถือ รวมถึงเลือกใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นสื่อออนไลน์หรือออฟไลน์ ป้ายติดประกาศในย่านชุมชนนั้นหรือในเว็บไซต์ที่ประกาศซื้อขายบ้าน รวมถึงใช้ช่องทางโซเชียลเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย
5. สินเชื่อของสถาบันการเงิน
นายหน้าอสังหาฯ จำเป็นต้องมีความรู้ เพื่อยื่นกู้ขอสินเชื่อให้กับลูกค้าผู้ซื้อ) เพราะการปล่อยสินเชื่อแต่ละสถาบันการเงินจะมีเงื่อนไขแตกต่างกันไป ไมใช่ว่าจะเลือกธนาคารไหนก็ได้ นายหน้าอสังหาฯ ต้องมี
ความรู้ข้อมูลของแต่ละธนาคารเบื้องตัน เช่น ลูกค้ากลุ่มข้าราชการหากขอสินเชื่อกลุ่มแบงก์ของรัฐจะปล่อยออกได้ง่าย เช่น ธนาคารออมสิน ธอส. เพราะส่วนใหญ่ราชการจะมีดีลพิเศษกับหน่วยงานราชการนั้นๆ อยู่แล้ว ดอกเบี้ยต่ำ วงเงินสูง
แต่ถ้าลูกค้าฟรีแลนซ์ ต้องพิจารณาจากเงินสดส่วนใหญ่ว่านำเข้าธนาคารไหน เพราะแบงก์จะพิจารณาประวัติการเงิน ยึดจากเอกสาร Statement เงื่อนไขแต่ละแบงก์จะแตกต่างกัน นายหน้าจำเป็นต้องคัดกรอง เบื้องต้นแล้วค่อยส่งไปให้ถูกแต่ละแบงก์ เพื่อสะดวกต่อลูกค้าและทำให้ปิดจ๊อบได้เร็ว
6. กฎหมายขั้นตอนการทำธุรกรรมที่สำนักงานที่ดิน
พวกเอกสารต่างๆ บัตรประชาชน บัตรข้าราชการ สำเนาทะเบียนบ้าน รวมถึงค่าธรรมเนียมการเสียภาษีต่างๆ ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายซึ่งใช้ราคาประเมินจากกรมที่ดินเป็นเกณฑ์ ภาษีธุรกิจเฉพาะที่ผู้ขายต้องเสีย ถ้าถือครองไม่ถึง 5 ปี หรือโอนชื่อเข้าทะเบียนบ้านไม่ถึง 1 ปี
ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% รวมถึงอากรแสตมปีและค่าธรรมเนียมในการโอนควรมีความรู้เบื้องต้นเพื่อแจ้งให้ลูกค้าเตรียมไว้ ทั้งหมดนี้เป็นความรู้เบื้องต้นที่นายหน้า
อสังหาฯ ต้องมีติดตัว ซึ่งในวิธีการทำงานจริง ๆ อาจต้องอาศัยไหวพริบและความรู้เฉพาะทางอีกหลาย ๆ เรื่องที่ต้องเรียนรู้ลองนำมาประยุกต์ใช้ปรับตัวเองดูนะครับจะเห็นได้ว่า นายหน้าอสังหาฯ เป็นได้ไม่ยากเลย แถมยังลงทุนน้อยรายได้ไร้ขีดจำกัดอีกด้วยหากจับทรัพย์ดี ๆ หลายคนสามารถต่อยอดเป็นนักธุรกิจอสังหาฯ สร้างความมั่งคั่ง เปลี่ยนชีวิตตัวเองมานักต่อนัก เพียงแค่อาศัยความซื่อสัตย์ ไม่ทัอถอย แม้จะโดนปฏิเสธ ซึ่งถือมีเงินล้าน เพราะขายบ้านมือสองเป็นเรื่องธรรมดาที่นายหน้าอสังหาฯ ทุกคนต่างต้องเจอ แต่ถ้าก้าวผ่านจุดนี้ไปได้ ลูกค้า นายทุน เจ้าของทรัพย์ต่าง ๆ พากันหลงใหลในตัวคุณแน่นอนครับ
สรุปสั้นๆ ของคนที่อยากเป็นนายหน้า คือ เริ่มให้เร็ว เรียนรู้ให้หนัก และถือผลประโยชน์ของเจ้าทรัพย์เป็นที่ตั้ง นึกถึงใจเขาใจเรา
ง่ายๆ แค่นี้เองทุกงาน ทุกอาชีพบนโลกนี้เวลาเริ่มต้นมันยากเสมอ ถ้าเราศึกษาเรียนรู้มาแล้ว แต่ไม่ลงมือทำ มันก็จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย “ไปครับ เริ่มต้นไปด้วยกัน” ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ
- หนังสือ : มีเงินล้านเพราะขายบ้านมือสอง
- ผู้แต่ง : ฤทธิ์ สถิตย์พงษ์
- สั่งหนังสือได้ที่ : https://atth.me/go/LreXfsoS
———————————–